โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่องการศึกษาความนิยมในการบริโภคต้มยำรวมมิตรที่ขึ้นอยู่กับอัตราส่วนของสารสกัดจากตะไคร้กับใบมะกรูด
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง การศึกษาความนิยมในการบริโภคต้มยำรวมมิตรที่ขึ้นอยู่กับอัตราส่วนของสารสกัดจากตะไคร้กับใบมะกรูด
รายวิชา ว30203 โครงงานวิทยาศาสตร์
คณะผู้จัดทำ
1. ด.ช. สุชา เคหะอุทัย เลขที่ 4 ชั้น ม. 3/2
2. ด.ญ. พนิดา ลาดเหลา เลขที่ 20 ชั้น ม. 3/2
3. ด.ญ. ชโลทร แจงบำรุง เลขที่ 24 ชั้น ม. 3/2
4. ด.ญ. อลิส สุดทะสิน เลขที่ 41 ชั้น ม. 3/2
อาจารย์ที่ปรึกษา นางจันทิมา สุขพัฒน์
สถานศึกษา โรงเรียนวัดราชาธิวาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1
จากการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง การศึกษาความนิยมในการบริโภคต้มยำรวมมิตรที่ขึ้นอยู่กับอัตราส่วนของสารสกัดจากตะไคร้กับใบมะกรูด จัดทำขึ้นเพื่อหาอัตราส่วนที่เหมาะสมระหว่างสารสกัดจากตะไคร้และใบมะกรูดที่ใช้ในการทำต้มยำรวมมิตร ซึ่งเป็นการสะดวกและรวดเร็วสำหรับคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนเมือง โดยการนำตะไคร้และใบมะกรูดในอัตราส่วน 1:1 , 1:2 , 1:3 , 2:1 และ 3:1 มาสกัดกลิ่นด้วยวิธีการกลั่นด้วยน้ำ แล้วเก็บสารที่ระเหยด้วยวิธีการควบแน่น ใส่ขวดปิดฝาแยกไว้ในแต่ละอัตราส่วน นำไปเก็บไว้ในตู้เย็น จากนั้นนำสารสกัดที่ได้ไปปรุงต้มยำรวมมิตรในปริมาณที่เท่าๆ กัน ผลปรากฏว่า ผู้บริโภคชอบต้มยำรวมมิตรที่ใส่สารสกัดระหว่างตะไคร้กับใบมะกรูดในอัตราส่วน 1: 2 รองลงมาเป็น อัตราส่วน 1:1 ส่วนอัตราส่วนที่ 1:3 กลิ่นใบมะกรูดมากเกินไปแทบจะได้กลิ่นตะไคร้ สำหรับอัตราส่วน 2:1 และ 3:1 นั้นกลิ่นตะไคร้เด่นเกินไป จากการทดลองเก็บสารสกัดไว้ในตู้เย็นช่องปกติปรากฏว่าสามารถเก็บสารสกัดนี้ไว้ได้นาน 3 วัน เมื่อเลยเวลา 3 วันกลิ่นของสารสกัดจะเปลี่ยนไป
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments